top of page

เปิดบทสัมภาษณ์ "น้องเอ" นักศึกษาแพทย์รามาฯ กับด่านบทสัมภาษณ์สุดโหด

วันนี้ทาง #theclasstutor จะพามาเปิดบทสัมภาษณ์ "น้องเอ" นักศึกษา #แพทย#รามาฯ มาดูกันว่ากว่าจะเข้าไปสู่รั่ว #แพทย์รามาฯ ต้องผ่านด่านอะไรมาบ้าง ? กับ| Exclusive Interview | Theclasstutor



น้องเอ
น้องเอ นักษึกษาแพทย์รามาฯ


ครูกอล์ฟ: สวัสดีครับ แนะนำตัวเองนิดนึงครับ


น้องเอ: สวัสดีค่ะ ชื่อเอนะคะ ชื่อจริงชื่อ ช่างคิด ปทุมมา ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่สองคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี


ครูกอล์ฟ: ไม่ได้เจอนานมาก ต้องบอกว่าน้องเอเป็นศิษย์เอกของครูกอล์ฟนะ สุดยอดเลยเพราะว่าตอนนั้นเราติวกัน #SAT ครูจำได้ครั้งแรกมาเรียนน่ะ คะแนนออกมาเต็มแปดร้อยหนูได้เท่าไหร่


น้องเอ: จำไม่ได้เลยค่ะ


ครูกอล์ฟ: จำไม่ได้แต่แบบไม่เยอะเนอะประมาณแบบว่าเลยกลางๆมานิดนึงอะไรเงี้ย แต่พอเรียนเสร็จสิ่งที่น้องเอ เซอร์ไพรส์ครูคือเอเอาคะแนน #SAT เต็มแปดร้อยกลับมาให้ครู ซึ่งอันนี้ถือว่าสุดยอดมาก ครูรู้สึกได้เลยคือ เอเรียนและทบทวน ครูให้การบ้านไป เอทำการบ้านครูทุกชุด เวลามาเรียนเอมาเรียนตรงเวลา เลิกตรงเวลาตั้งใจเรียน แล้วก็รู้สึกว่าเอเรียนไปด้วยความไม่เครียดด้วยตอนนั้นนะทั้งๆ ที่เราก็รู้สึกว่าเรายังมีอีกหลายเรื่อง ที่เราต้องโคฟเวอร์เพื่อที่จะสอบให้ทัน แต่มันเป็นการเรียนแต่ละครั้งเอก็จะชิลทุกครั้งเลย แล้วก็ตลกทุกครั้งที่เรียนด้วยกันคือแฮปปี้มากในที่สุดก็ตอนนี้ได้เป็นคุณหมอละ อยู่ปีสอง ต้องเรียนอีกกี่ปีครับทั้งหมด



น้องเอ: อีกสี่ปีเป็นหกปี


ครูกอล์ฟ: วันนี้เรามาคุยกันเพราะมีนักเรียนครูหลายคน ณ ปัจจุบันนะที่อยากที่จะเป็นหมอแล้วก็ยังเป็นอาชีพที่ฮอตในระดับต้นๆ เลยเพราะว่าเป็นอาชีพที่มีคุณค่า ได้ช่วยเหลือผู้อื่นและเป็นอาชีพที่มีเกียรติเพราะฉะนั้นเอก็ได้เข้าสู่เส้นทางที่เป็นหมออย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ในระหว่างเส้นทางหลังจากที่เราสอบแล้วอยากให้เอช่วยเล่าหน่อยได้ไหมว่าช่วงเวลาตอนนั้นที่ยื่นคะแนนไปและเตรียมตัวสัมภาษณ์เรื่องราวในระหว่างการสัมภาษณ์ก่อนที่จะเป็นหมอมันเหมือนนิทานเรื่องนึงเลย เดี๋ยวให้เอเป็นคนเล่าแล้วกันครับ


น้องเอ: คือของรามาฯจะแบ่งการสอบสัมภาษณ์ออกเป็นสองวันค่ะ วันแรกจะเป็นสอบเกี่ยวกับแบบจิตวิทยา ก็คือจะให้เราทำแบบทดสอบเหมือนเขาจะให้เราเติมคำแล้วก็คิดไวตอบไวค่ะ


ครูกอล์ฟ: แสดงว่าตอนแรกอะเราได้คะแนนมาทั้งหมดแล้วก็ submit เสร็จแล้วเราก็ได้ชื่อแล้วว่าเราติดสอบสัมภาษณ์ มีชื่อในการสอบสัมภาษณ์แต่การสอบสัมภาษณ์นั้นแบ่งเป็นสองวัน อันนี้คือวันแรก วันแรกมาถึงก็มีคำถามเลยซึ่งอันเนี้ยก็แสดงว่าไปนั่งทำข้อสอบอีกรอบนึงเหรอ


น้องเอ: ใช่ค่ะ ก็คือมันเหมือนกับว่าไม่ได้เอาไปเก็บคะแนนเป็นรวมสัมภาษณ์ค่ะ แต่เขาจะมีอาจารย์หมอที่เป็นเป็นจิตแพทย์มาคุยกับเราเกี่ยวกับเรื่องที่เราทำในวันต่อไปค่ะ จะมีให้วาดรูปต้นไม้วาดรูปบ้าน เขาก็คงอยากจะรู้ว่าภายใต้จิตใจเราแล้วเป็นยังไง หนูก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะวิเคราะห์อะไรได้จากต้นไม้ที่เราวาด หลังจาดนั้นเขาก็ให้เขียนเรียงความหัวข้อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นกับความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้อื่น เมื่อถึงวันสัมภาษณ์วันถัดไปเขาจะให้เข้าห้องจิตวิทยาเป็นห้องแรก อาจารย์เขาก็ถามเรื่องที่เขียนไปวันนั้นด้วยว่าเราเขียนเกี่ยวกับอะไรไป ซึ่งหนูจำได้ว่าที่เคยบอกครูไปว่า รามาฯเป็นที่ๆ แฟร์มากๆ เพราะว่าเขาจะไม่ให้เราพูดชื่อของตัวเราเองแล้วก็ไม่ให้พูดโรงเรียนที่เรามา เพื่อไม่ให้เกิดความ bias ว่าเรามาจากที่เดียวกับอาจารย์คนนี้หรือนามสกุลเราไปเตะตาต้องใจเขาอะไรแบบนั้นค่ะ คือเขาจะให้จับฉลากตั้งแต่วันแรกที่ไปสัมภาษณ์ วันแรกที่ให้ไปทำข้อเขียน เขาก็จะให้ไปจับฉลากว่าเราจะได้เลขที่เท่าไหร่ หลังจากนั้นตัวตนของเราคือเลขนี้ เราจะไม่มีชื่อค่ะ  


ครูกอล์ฟ: ห้ามเรียกชื่อด้วย


น้องเอ: ใช่ค่ะ


ครูกอล์ฟ: ชื่อเล่นก็ไม่มี


น้องเอ: ใช่ค่ะ ห้ามแนะนำตัวเองอะไรค่ะ


ครูกอล์ฟ: ใช้เวลานานไหมครับ


น้องเอ: ห้องละไม่เกินสิบนาทีค่ะ ตอนที่เขียนเนื้อหาวันแรก จับฉลากแล้วก็เขียนเรียงความ ใช้เวลาประมาณครึ่งวันค่ะ คือการเขียนเรียงความก็ใช้เวลาประมาณนึงแล้ว วาดรูปและอันแรกก็เป็นการเติมคำในช่องว่างรวมๆ แล้วครึ่งวันรวมจับฉลากด้วยแล้วได้หมายเลขไป ฟีลลิ่งกลับไปบ้านพร้อมหมายเลขนี้ก็รู้สึกว่ายังไม่รู้เหมือนกันว่าวันพรุ่งนี้จะเจออะไรค่ะ


ครูกอล์ฟ: เขาไม่ได้บอกเราเลยว่าต้องจะเป็นยังไงต่อ


น้องเอ: ใช่ค่ะ เขามีอธิบายคร่าวๆ ว่าจะแบ่งเป็นห้องๆ แล้วก็จะมีห้องพักค่ะ แล้วก็มันจะแบ่งเป็นชุดชุดตอนเช้ากับชุดตอนบ่าย เพราะว่าห้องมันไม่พอ แต่ความแฟร์อีกแล้วค่ะ ก็คือเขาจะให้คนรอบเช้ากักตัวไว้ก่อนนะคะ แล้วพอคนรอบบ่ายมาแล้วคนรอบเช้าถึงจะออกได้ เผื่อจะไปแอบถามว่าเมื่อเช้ามีเขาถามอะไรเธอบ้าง เพื่อไม่ให้ข้อมูลมันรั่วไหล


ครูกอล์ฟ: ครูถามอย่างงี้ดีกว่าว่า วันแรกเป็นการเขียนเอกสารที่เราบอกมา วันที่สองก็จะต้องไปเข้าห้องสัมภาษณ์แต่ละห้องเหมือนเป็นด่านเนอะ เหมือนเป็นฐานละกัน มีทั้งหมดกี่ฐานครับวันที่สอง กี่ห้องที่เราต้องเข้าไป



น้องเอ: มีทั้งหมดสิบห้าค่ะ แต่ว่าห้องที่เราต้องพูดจริงๆ จะมีเก้าห้องค่ะ ก็คือจะมีฐานอ่านโจทย์แบบให้พักรอระหว่างแต่ละฐานรวมเป็นสิบห้าห้อง แต่ว่าที่จะต้องคุยกับอาจารย์จริงๆ มีเก้าห้อง


ครูกอล์ฟ: รอบเช้าก็เสร็จเก้าห้องภายในช่วงเวลาครึ่งเช้า แล้วครึ่งบ่ายก็จะไปเสร็จเก้าห้องในเวลาครึ่งบ่าย


น้องเอ: ใช่ค่ะ


ครูกอล์ฟ: เข้มข้นมากเลยนะ


น้องเอ: ใช่ค่ะ คือเขาสอบหลายชั้นนะคะภาพที่หนูเห็น จะเห็นภาพที่เพื่อนวนฐาน คือเขาวิ่งกันค่ะครูเพราะว่ามันต้องขึ้นชั้นบนลงชั้นล่างด้วย แล้วมันก็จะเสียงกริ่งอยู่คือตอนนั้นใจแบบไม่ดีแล้วค่ะ เป็นเสียงกริ่งเปลี่ยนฐานแล้วก็ต้องวิ่งค่ะ


ครูกอล์ฟ: แล้วในลักษณะของคนสัมภาษณ์อะ จะรู้ได้ไงว่าต้องเข้าห้องนี้แล้วต่อห้องนั้นใบของเรามันจะบอกมาเลยหรือเปล่า


น้องเอ: จะมีพี่ที่เขายืนอยู่หน้าห้องเขาจะบอกว่าไปห้องนู้นต่อแล้วก็วิ่งเลยถ้าเปลี่ยนชั้นจะมีพี่พาเปลี่ยนชั้นค่ะ


ครูกอล์ฟ: ไหนค่อยลองค่อยๆ นึกนะด่านแรกเป็นยังไงครับ


น้องเอ: คือด่านแรกของทุกคนจะไม่เหมือนกันค่ะ เพราะเวลาเอไปเริ่มด่านแรกของเอเนี่ย คนอื่นก็จะไปเริ่มด่านอื่นก่อนค่ะ


ครูกอล์ฟ: เราไล่ของเอแล้วกันนะ ด่านของเอเป็นไงบ้าง


น้องเอ: ของหนูเจอแจ็คพอตก่อนเลยค่ะครู คือถ้ามองเป็นชื่อฐานที่คิดขึ้นมาเองคือฐานกดดันค่ะ คือเขาจะถามว่า ในอีกสิบห้าปีข้างหน้าสมาพันธ์ของเรามาจะทำโครงการอะไร ซึ่งเด็กทุกคนน่ะไม่มีใครรู้อยู่แล้วค่ะ ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็จะพูดกดดันว่า เราอยากเข้าแพทย์รามาฯจริงๆ เหรอ ทำไมแค่นี้เราถึงยังไม่รู้ อาจารย์จะเป็นอาจารย์สองท่านนั่งอยู่นั่งอยู่ตรงข้ามค่ะ แล้วเขาก็จะพูดๆ ว่าเวลาเข้าไปในเว็บไซต์ของรามาฯ คือน้องไม่ได้เข้าไปดูส่วนอื่นของเว็บไซต์นอกจากหน้าสมัครเลยเหรอ คือแบบว่าโหดสุดๆ ไปเลยค่ะ แต่คือตอนนั้นหนูเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ค่ะ เพราะว่าหนูอะไม่รู้ว่านี่คือฐานกดดันเหรอ คือมันเป็นฐานแรกของหนู ถ้าหนูไปเจอฐานใจดีมาก่อนแล้วมาเจอฐานเนี้ยหนูอาจจะตกใจ แต่หนูไม่ได้เตรียมใจอะไรมาก่อนนะคะ หนูก็คิดว่ามันคงเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดทุกฐานเลย หนูก็เลยตอบไปว่าหนูไม่ทราบค่ะอาจารย์หนูไม่รู้จริงๆ ค่ะ แต่ว่าก่อนหน้านี้หนูเคยทำโครงการ Pitching challenge เขาอาจจะต้องการอีกสิบห้าปีข้างหน้า อาจจะเป็นแนวนวัตกรรมเพิ่มขึ้น แต่หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะอาจารย์ หนูจะพยายามบอกว่าหนูไม่รู้ เพราะว่าในใจหนูตอนนั้นคิดว่าคือเขาอาจจะไม่ได้คาดหวังให้เด็กทุกคนต้องรู้ ว่าอีกสิบห้าปีข้างหน้าเขาจะทำอะไร เขาแค่อยากรู้ว่าเด็กจะสามารถรับกับความกดดันนี้ได้ไหม แล้วก็อยากที่จะรู้ว่าเด็กจะรู้จักยอมรับในสิ่งที่เขาไม่รู้ไหม ถ้าไม่รู้เราก็บอกว่าไม่รู้เลยค่ะ


ครูกอล์ฟ: ใช้เวลานานไหมครับ


น้องเอ: ประมาณไม่เกินสิบนาที


ครูกอล์ฟ:สิบนาทีอยู่ในภาวะนี้นะ


น้องเอ: ใช่ค่ะ ภาวะที่อาจารย์ค่อยๆ พูด คือเขาก็พูดเนิบๆ นะค่ะ แต่คำถามแต่ละคำถามนี่คือโหดมาก แต่คิดว่ามันคงเป็นธรรมดาของการสัมภาษณ์ก็เตรียมใจมาประมาณนึงแล้วด้วยค่ะ


ครูกอล์ฟ: ต่อกันที่ฐานที่สองครับ


น้องเอ: คือเขาอาจจะอยากรู้ว่าเราได้ใส่ใจเรื่องคนไข้กับการรักษาในระบบรัฐบาลมากขนาดไหน ฐานที่สองเขาก็เลยจะถามเรื่องสิทธิ์การรักษาในโรงพยาบาลรัฐ โดยเขาก็จะบอกประวัติคนไข้มาแล้วบอกว่าเราจะสามารถใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลให้คนไข้คนนี้ แล้วเขาก็ถามว่าเราจะสามารถให้สิทธิ์อะไรให้เขาได้บ้างกับการ ที่จะช่วยการรักษาค่าใช้จ่ายของเขาค่ะ


ครูกอล์ฟ: เหมือนกับเป็นโจทย์ให้เราอ่านว่านี่คือเหตุการณ์ที่คุณกำลังจะเจอ ให้คุณเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ในห้องต่อไป คือโจทย์คือให้คุณเข้าใจว่าคนไข้คนนี้มีคอนดิชั่นยังไง


น้องเอ: ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็ค่อนข้างจะแบล็คนะคะ แต่ก็เคยได้ยินเรื่องเรื่องสามสิบบาทรักษาทุกโรค หนูก็คิดว่าอาจจะเป็นอันนี้ได้ แล้วก็วันก่อนหน้านั้นบังเอิญมากที่พ่อหนูพูดเรื่องประกันสังคมของพี่ที่ทำงานที่บ้านมา หนูก็เลยตอบว่าเขาอาจจะครอบคลุมในสิทธิ์ประกันสังคมได้ด้วย ก็อาจจะใช้อันนั้นมาเป็นตัวช่วยด้วยก็ได้อะไรค่ะ


ครูกอล์ฟ: แสดงว่าห้องที่สองมันไม่ได้เหมือนกับสัมภาษณ์แค่เราจะรักษาโรคยังไง แต่ถามในเชิงที่ว่าคุณหมออยากจะช่วยคนไข้ นี่มันเป็นเชิงในแง่ของกฎหมายและสิทธิ์ของรัฐบาลที่ให้กับประชาชน คุณหมอจะได้ดูแลเรื่องนี้ให้กับคนไข้ด้วย


น้องเอ: ใช่ค่ะ แล้วเขาก็ถามว่าอยากจะปรับปรุงระบบสาธารณสุขของไทยไหม ตอนนั้นหนูนึกขึ้นได้แค่ระบบการบำบัดน้ำเสียของของไทยตอนนี้ เพราะว่าตอนที่ช่วงโควิดระบาด หนูก็รู้สึกว่าระบบการบำบัดน้ำเสียของไทยตอนนี้มันยังจัดการได้ไม่ดี แล้วยิ่งถ้าสมมุติว่าเชื้อมันสามารถส่งต่อผ่านน้ำเข้าไปได้ ระบบบำบัดน้ำเสียของไทยคือแบบที่เห็นว่าประเทศไทยขยะเต็มคลอง หนูก็เลยคิดว่าถ้าเราสามารถปรับปรุงตรงนี้ได้อะในอนาคตถ้ามีเหมือนการระบาดที่คล้ายๆ กับโควิด ที่ส่งต่อผ่านน้ำได้ขึ้นมาก็อาจจะช่วยได้ด้วย แล้วเหมือนฐานเนี้ยจะมีสองคำถามค่ะอันนั้นคือคำถามแรกนะคะ


คำถามที่สองก็คือถ้าสมมุติว่าญาติเราที่เขาติดโควิดกำลังจะต้องบินไปต่างประเทศแล้ว RT-PCR เขาออกไม่ทันแต่ตรวจ ATK แล้วมันไม่ขึ้น เราที่เป็นหมอจะแอบเขียนให้ญาติไหม ตอนนั้นหนูก็บอกไปว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นญาติเรา แต่ว่าเราไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น เพราะว่าเราต้องนึกถึงว่าคนที่อยู่ร่วมขบวนกับเขา ในเครื่องบินลำนั้นเขาจะเป็นยังไง ถ้าญาติเราติดโควิดขึ้นมาผู้สูงอายุเด็กที่อยู่ร่วมขบวนกับเข้าจะทำยังไงค่ะ


ครูกอล์ฟ: เตรียมตัวไม่ได้เนอะ มันเซอร์ไพรส์ ใครจะมานึกว่าเขาจะถามแบบนี้นะครับ ต่อกันที่ด่านที่สามครับ


น้องเอ: ด่านที่สามจะเป็นถามเกี่ยวกับว่าเราได้ทำโครงงานอะไรเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนหรือว่าเราได้แบบทำ Publish ออกไปข้างนอกมาเยอะไหม หนูก็เลยบอกว่าตอนที่อยู่มัธยมหนูทำไปสองอย่างค่ะ ตอน ม.4 กับ ม.5 ตอน ม.4 หนูเคยลง Elective วิชา Environmental science ไป ก็เลยอยากที่จะลองดูเกี่ยวกับการมองเห็นของผึ้งค่ะ คือตอนนั้นอ่านเจอว่าผึ้งมีประชากรลดลงมากขึ้น ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าสมมุติเราเอาดอกไม้ที่ผึ้งมองเห็นได้มากๆ ใน range สายตาของมันมาให้มันเพื่อผสม เพื่อที่จะได้มีน้ำหวานกินมากขึ้น มันจะเพิ่มประชากรของผึ้งได้ไหม แต่ว่าตอนนั้นก็บอกอาจารย์ค่ะว่า มันไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นะคะ เพราะว่าหนูจะต้องตั้งกล้องแล้วนับดอกไม้แต่ละสี เพราะตามตามข้อสันนิษฐานของเราผึ้งจะบินเข้าหาสีม่วงมากที่สุด เพราะ range สายตาของมันไปทางด้านนั้นมากกว่า หนูก็นั่งจ้องแล้วก็นั่งนับ ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าตัวนี้ที่มันบินมาก่อนมันเป็นตัวเดิมไหม แล้วมันบินไปไหนแล้ว คือมันค่อนข้างดูยากมาก ถ้าอัดไว้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องดูกี่ชั่วโมง ก็เลยบอกอาจารย์ไปว่าโครงงานอันนี้มันไม่ค่อยประสบความสำเร็จค่ะ


โครงงานที่สองหนูก็บอกว่ามันก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่อีกเช่นเคนค่ะ ตอนนั้นหนูทดลองเกี่ยวกับยา หนูอยากรู้ว่าน้ำแต่ละชนิดเวลาเราใส่ยาเข้าไป มันจะแตกต่างกันไหม ใช้เวลาในการละลายนานเท่าไหร่ เช่น กินน้ำร้อนแล้วช่วยละลายยาชนิดนี้ได้ดีกว่าน้ำเย็น เผื่อจะมีประโยชน์กับคนไข้ในอนาคต ตอนนั้นก็ทดลองกับยาสามอย่าง เป็นยาตระกูล Ponstan ทั้งหมด แล้วใช้ pH Meter เป็นตัววัด เพราะยาเรามีเป็นกรดเพราะฉะนั้นถ้าใส่เข้าไปมันก็จะเป็นกรดมากขึ้น ตอนนั้นภูมิใจมากว่ามันจะต้องเห็นผล แต่โควิดมาพอดี หนูเข้าไปทำที่แล็บโรงเรียนไม่ได้ หนูต้องทำที่บ้าน การทำที่บ้านคือแค่แอร์เป่าค่า pH ก็เปลี่ยนแล้วค่ะ ต้องอยู่ในห้องอบๆ ร้อนๆ คือตอนนั้นหนูไม่รู้จักสิ่งที่เรียกวาน้ำกลั่น หนูก็ล้างด้วยน้ำประปาธรรมดา ตอนนั้นอาจารย์ที่สัมภาษณ์ก็กุมขมับเลลค่ะ แล้วเขาก็ถามว่า pH Meter ซื้อจากไหน หนูตอบไปว่า ซื้อจาก Shoppee ค่ะ อาจารย์เขาก็หัวเราะกันค่ะ ด่านนั้นก็จบไปด้วยเสียงหัวเราะ


ครูกอล์ฟ: จริงๆ ก็ถือว่าเป็นการเล่าประสบการณ์ของเราที่เกิดจากการทดลอง โดยที่การทดลองก็ไม่ต้องถึงกับประสบความสำเร็จมากมาย เราออกตัวไปด้วยซ้ำว่าการทดลองของเรามันเฟล


น้องเอ: ใช่ค่ะ อาจารย์คงเห็นถึงความพยายามบางอย่าง และความจริงใจว่าเราไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมา หนูว่าเขาแค่อยากรู้ค่ะว่าเราทำเองจริงไหม เพราะว่าเขาจะต้องเห็นมาจากพอร์ตเราแล้วระดับนึง เขาอาจจะแค่อยากคอนเฟิร์มว่าสิ่งที่เราเขียนไปมันใช่เราหรือเปล่าค่ะ


ครูกอล์ฟ: Point นี้ดีเพราะว่า เวลาเราสัมภาษณืครูเข้าใจว่านักเรียนทุกคนอยากที่จะนำเสนอมุมที่ดีที่สุดของตัวเอง ว่าเราเจ๋ง เราเก่ง ถึงขั้นที่ว่าบางคนก็ไปจ้างคนอื่นทำพอร์ตเพื่อให้มันดูดี แต่พอสัมภาษณ์มันก็จะรูว่าทำจริงหรือไม่จริงนะครับ ต่อกันทีร่ด่านที่ 4 ครับ


น้องเอ: ด่านที่ 4 เป็นด่านเกี่ยวกับวัคซี นค่ะ คือเขาจะให้ดูกราฟเปรียบเทียบวัคซีนของประเทศอิสราเอล ว่าเขาใช้เข็มที่ 1 แล้วประชากรที่ติดโควิดกับประชากรที่เสียชีวิตจากการติดโควิดเป็นอย่างไร แนวโน้มเป็นอย่างไร โดยเขาจะมีกราฟให้เราดูและมีบทความให้เราอ่าน 2-3 หน้า ให้เราอ่านในห้องสัมภาษณืเลย แล้วเขาก็จะมีคำถามตอนท้าย ว่า เราคิดว่าวัคซีนนี้มัมีประสิทธิภาพไหม ที่ใช้ในปัจจุบันก่อนที่จะเป็นเข็ม 3 มีประสิทธิภาพไหม ตอนนั้นเท่าที่หนูจำได้ พอใช้เข็ม 3 กราฟมันจะพุ่งลง หมายความว่าคนที่ติดแล้วเสียชีวิตมีน้อยลงแสดงว่าเข็มก่อนหน้านั้นมันไม่มีประสิทธิภาพ แต่หนูก็บอกไปว่าเรายังสรุปไม่ได้ว่าเข็มเหล่านั้นมันไม่มีประสิทธิภาพจริงไหมของวัคซีนยี่ห้อเหล่านี้ เพราะเราต้องอ้างอิงจากประเทศอื่นๆด้วย อาจจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้อยู่ดีๆ ค่าแนวโน้มมันลดลง หรือเชื้ออาจจะอ่อนแรงลงก็เป็นไปได้ค่ะ และตอนนั้นหนูก็บอกไปว่ากราฟนี้มันอาจจะเป็น Researh ที่ทำขึ้นมาเพื่อขัดขาอีกบริษัทนึง คือเราต้องดูว่าคนที่เขาทำขึ้นมามาจากที่ไหนแล้วก็ดูว่ามันมีความน่าเชื่อถือมากแค่้ไหน ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าวัคซีนนี้มันมีประสิทธิภาพไหม


ครูกอล์ฟ: มาถึงห้องที่ 4 แล้ว ห้องนี้กดดันเหมือนห้องแรกไหม


น้องเอ: ห้องนี้จะมาคุประมาณนึงค่ะ เพราะว่าห้องจะเงียบมาก เราก็นั่งอ่านโจทย์ส่วนอาจารย์ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากให้เราอ่านคำถามแล้วตอบค่ะ เราก็เหมือนพูดอยู่คนเดียว


ครูกอล์ฟ: แต่คำถามของอาจารย์จะไม่ได้กดดันเหมือนห้องแรก


น้องเอ: ใช่ค่ะ


ครูกอล์ฟ: โอเคจบไปสำหรับด่านที่ 4 ต่อไปคือด่านที่ 5 ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับยาเก่ายาใหม่


น้องเอ: ใช่ค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับยา อันนี้จะเป็นห้องที่ก่อนจะเข้าไปจะเป็น Station พัก ก็คือจะให้เราอ่านบทความว่า มีบริษัทยาแห่งหนึ่งที่สนับสนุนโรงพยาบาลของเราอยู่ ยานี้ค่อนข้างที่จะมีราคาแพงกว่ายาเก่าที่โรงพยาบาลเราใช้อยู่ ซึ่งจะใช้รักษาคนไข้ลักษณะเดียวกัน มีประสิทธิภาพยาเท่ากัน แต่จุดของเขาคือตอนนี้บริษัทยาตัวนี้สนับสนุนโรงพยาบาลของเราอยู่ เราจะจ่ายยาอันใหม่ให้คนไข้ไหม ทั้งๆที่ยาตัวใหม่อันนี้เป็นยาที่พึ่งจะเอาออกมาใช้ คือยังไม่ได้มีผลการรับรองมากขนาดนั้น หนูตอบไปว่า อยากที่จะให้คนไข้เป็นคนเลือกเองมากกว่า ว่าเขาอยากลองยาใหม่ไหม เพราะด้วยราคาที่แพงกว่า เราไม่รู้ว่ามันครอบคลุมโดยประกันต่างๆ ของตัวสิทธิรักษาคนไข้ไหม เราอาจจะต้องชี้แจ้งตรงนี้ให้คนไข้ทราบ ก่อนที่เขาจะเลือกว่าจะใช้ยาไหน เพราะมันก็เป็นสิทธิของเขา เพราะเขาบอกว่าประสิทธิภาพยาทั้งสองตัวเท่ากัน บางคนอาจจะมองว่าเขาเป็นบริษัทที่สนับสนุนโรงพยาบาลเราอยู่นะ เราควรจะต้องตอบแทนเขาไหม


ครูกอล์ฟ:ในมุมนึงก็อยากตอบแทนที่เขาสนับสนุนเรา แต่อีกมุมก็เหมือนผลักภาระค่าใช้จ่ายไปให้คนไข้ ซึ่งถ้าคนไข้ใช้สิทธิประกัน บางทีส่วนนี้อาจจะเป็นส่วนเพิ่มเติมที่เกินวงเงินตรงนั้น แต่ถ้าไม่เกินก็ให้เป็นตัวเลือกสำหรับคนไข้ แล้วในมุมคนไข้เขาจะรู้ได้ไงว่ายาไหนดีหรือไม่ดี


น้องเอ:เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจถึงประสิทธิภาพของมันว่ามันดีพอๆกัน หรือว่ามีข้อดีข้อเสียที่เราเล็งเห็นตรงไหน แล้วก็อีกมุมนึงที่หนูคิดว่าเขาเอามาเล่นได้ก็คือ มันเป็นยาใหม่ที่ยังไม่มีใครลองใช้เท่าไหร่ ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม หนูก็เลยบอกไปว่า ถ้าเรามองตรงจุดนี้ ยาเก่าที่เราใช้ก็เคยเป็นยาใหม่มาก่อนเหมือนกันนะ คือถ้าเราไม่ลองใช้ยาใหม่อันนี้ดู เราก็จะไม่รู้ว่าในอนาคตมันมีผลข้างเตคียงอะไรบ้าง หรือมันอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่ายาใหม่ก็ได้


ครูกอล์ฟ:เหมือนคำถามนี้มันมาจากเหตุการณ์จริงเหมือนกันนะ มันน่าจะเป็นเหตุการณ์จริงที่หมอบางท่านรู้สึกไม่สบายใจในการตัดสินใจบางอย่าง มุมมองของนักศึกษาที่ตอบก็น่าจะมาจากเหตุการณ์จริงในอนาคตที่หนูต้องเจอด้วยเหมือนกัน เป็นการจำลองว่าหนูต้องรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ยังไง มาต่อกันที่ด่านที่หกครับเป็นเรื่องของรุ่นพี่เห็นเราเขียนว่าเป็นรุ่นพี่เป็นยังไงครับด่านที่หก


น้องเอ: ด่านนี้จะไม่ใช่อาจารย์แล้วค่ะ แต่จะมีอาจารย์หน้าตาน่ากลัวอยู่ท่านนึง ก็คือจะเป็นรุ่นพี่สองคนนั่งอยู่แล้วก็มีอาจารย์นั่งอยู่มุมห้องเงียบๆอยู่คนเดียวเฝ้ามองเราคุยกับรุ่นพี่ค่ะ รุ่นพี่เค้าก็จะถามว่า คิดว่าทำไมเขาถึงเลือกเรามาสัมภาษณ์ หนูก็เลยบอกไปว่า คิดว่าน่าจะเป็น Personal Statement ของหนูมั้งคะ เพราะว่าหนูรู้สึกว่าคะแนนหนูไม่ได้เลิศเลอ กิจกรรมก็ไม่ได้เป็นวิจัยระดับโลก หนูก็เลยบอกไปว่าเป็น Personal Statement ที่เขียนแรงบันดาลใจว่า ทำไมถึงอยากเข้าที่รามาฯ หนูเขียนไปว่าเหมือนมันเริ่มต้นจากที่ป๊าหนูเขาป่วยค่ะ เขามีหมอนรองกระดูกเคลื่อน แล้วตอนนั้นคือเขาชาไปครึ่งซีกเดินไม่ได้ครึ่งซีกแล้วตอนนั้นคือแม่ก็จะพูดมาโดยตลอดว่าถ้าทุกวันนี้ป๊าไม่สามารถเดินได้ พวกหนูไม่มีทางที่จะได้เรียนตรงนี้มีชีวิตแบบนี้ มันจะต้องเป็นแบบพลิกไปอีกด้านนึงเลย ตอนนั้นน่ะคือรู้สึกว่า โห...หมอคือคนที่กำหนดชะตาชีวิตคนคนนึงได้มันก็เลยเป็นแบบแรงบันดาลใจเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างขึ้นมาค่ะ หลังจากนั้นหนูก็เริ่มลองไปทำจิตอาสาไปฝึกงานที่ตามโรงพยาบาลคือหนูก็บอกว่าเหมือนตอนนั้นที่ไปโรงพยาบาลชุมชนเขาก็เรียกหนูว่า คุณหมอ มันก็แบบเป็นความใจฟูอย่างนึง เขาก็จะมาถามว่า เขาได้ยาแบบนี้มาเขาจะกินยังไงดี ตอนนั้นหนูก็รู้สึกว่าหนูยังไม่สามารถตอบเขาได้ หนูก็อยากที่จะมาอยู่ตรงนี้เพื่อที่จะให้ตอบได้อย่างมั่นใจ แล้วก็ตอนที่ไปโรงพยาบาลชุมชนตอนนั้นคือ มีพี่พยาบาลเขาบอกว่ามีแพทย์มาใช้ทุนเยอะมากที่นี่ แต่แพทย์ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับเขาคือแพทย์รามาฯ เขาบอกว่าไม่ว่ากี่รุ่นก็คือดีมาก ยืนหนึ่งในใจพี่พยาบาล นั่นก็คือสิ่งที่ทำให้หนูอยากเข้ารามาฯ หนูก็รู้สึกว่า นอกจากคนไข้จะประทับใจแล้วเพื่อนร่วมงานเขายังรู้สึกประทับใจอีก มันจะต้องเป็นที่ที่เขาหลอมหลอมหมอขึ้นมาคนนึงให้ดีได้ก็เลยอยากลองที่จะมารู้จักที่นี่ดู และเขาก็ถามอีกว่าทำไมถึงอยากเข้าแล้วก็อยากเข้าที่แทรคไหนค่ะแล้วก็ในอนาคตคิดว่ามองภาพตัวเองเป็นยังไง


ครูกอล์ฟ: โห...ถามไปเรื่อยๆ เหมือนกันเนาะ


น้องเอ: ใช่ค่ะ หนูก็บอกว่าคือหนูอยากเข้าแทรค M.D. เพราะว่าหนูอยากเป็นแค่หมอคนนึง ที่ไม่ได้คิดว่าให้ยานี้ไปแล้วอะโรงพยาบาลเราจะขาดทุนไหม


ครูกอล์ฟ: ขอโทษนะครับ แทรค M.D. ย่อมาจากอะไรครับ


น้องเอ: M ก็คือ Medicine program แบบปกติเลยค่ะ แล้วก็ที่รามาฯจะมีอีกสองแทรคก็คือ M.Eng กับ M.M. ค่ะ ก็คือเป็น management เป็นแพทย์บริหารนะคะ กับ M.Eng คือ engineering ค่ะเป็นแพทย์วิศวะ แพทย์วิศวะคือ M.Eng M.D. คือแพทย์ปกติ M.M. เป็นแพทย์บริหาร หนูก็เลยบอกว่าหนูก็อยากเป็นคนที่คิดแค่ว่าจะรักษาคนไข้ยังไงแค่นั้นเอง แล้วในอนาคตก็คิดไว้ว่าอยากที่จะเป็นแพทย์ที่ดีให้ได้ค่ะ ที่บอกว่าอยากอยู่ในรามาฯ เพราะว่าอยากอยู่ในที่ ที่จะไม่มีใครบอกกับหนูว่ามันเป็นไปไม่ได้ในสิ่งที่หนูอยากจะทำอะไร

แบบเขาดูเป็นที่ ที่ทำแต่เรื่องที่คนอื่นคิดว่ามันดูเป็นไปไม่ได้ คิดแต่สิ่งใหม่ๆ ก็เลยอยากอยู่ในที่ๆ ทุกคนพร้อมที่จะซัพพอร์ตหนู ในทางที่หนูคิดว่า หนูจะไปให้ได้ แล้วหนูก็อ้างอิงจากวันก่อนหน้านั้นกับพี่เขาด้วยว่าวันก่อนหน้านั้นอาจารย์บอกไว้แล้ววันที่ไปทำแบบทดสอบจิตวิทยา เขาบอกกับเราว่าเขาไม่ได้ต้องการหมอที่เก่ง ไม่ได้ต้องการหมอที่ดีแต่ต้องการหมอที่ใช่สำหรับรามาฯ เราก็เลยคิดว่าเขาคงอยากได้คนที่อยากที่จะอยู่ที่นี่จริงๆ

เพราะว่าหมอเก่งหมอดีก็มีเยอะแยะ แต่ทำไมจะต้องเข้าที่นี่


ครูกอล์ฟ: โหดมากนะ เก่งก็ไม่เอา ดีก็ไม่เอาด้วย แต่จะเอาเพราะอะไรต้องเหนือกว่าคำว่าเก่งและคำว่าดีขึ้นไปอีก เกินครึ่งทางแล้วครับเรามาสู่ฐานที่เจ็ดครับ


น้องเอ: ฐานที่เจ็ดจะเป็นฐานเกี่ยวกับกิจกรรมนอกห้องเรียนค่ะ คือตามสโลแกนของรามาฯเขาบอกไว้ว่าเขาอยากได้ all-rounder ค่ะ ก็คือคนที่เป็นคนกลมๆ ไม่ได้แค่เรียนไปอย่างเดียว อยากได้เป็ด อยากได้คนที่เชี่ยวชาญหลายด้าน หนูก็เลยบอกไปว่า ตอนนั้นหนูใส่กิจกรรมนอกห้องเรียนไปเป็นแข่งปิงปองค่ะ หนูเคยแข่งจากที่โรงเรียนมาก่อน แล้วหนูก็ไปแข่ง ISA ก็คือเป็นรวมนักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติมาแข่งด้วยกัน

ซึ่งตอนนั้นคือ เหมือนจะแพ้ย่อยยับค่ะ แล้วหนูก็บอกเขาไปว่าคือมันเป็นการที่หนูได้ก้าวออกจากเซฟโซนของตัวเองประมาณนึง คือมันทำให้เรารู้ว่าการแข่ง คือมันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องได้ชนะเสมอไป คือมันก็จะมีการแพ้บ้าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรู้ว่าถ้าเราแพ้แล้วเราจะลุกขึ้นมายังไง เราจะต้องไม่จมดิ่งอยู่กับมันเพราะว่าเมื่อก่อนหนูเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะยึดอยู่กับแค่คำว่าต้องชนะเท่านั้น พอได้เจอกับความพ่ายแพ้ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ แล้วก็ยังมีอะไรที่ให้ได้เรียนรู้ เราก็ได้รู้ว่าการได้ลองเล่นกับคนเก่งอะเขาเป็นยังไง ได้กลับมาพัฒนาตัวเอง ได้รู้ว่านี่คือยังไม่ใช่ที่สุดนะ เรายังพัฒนาตัวเองต่อไปได้ ก็เป็นข้อดีในการได้เจอคนเก่งๆ


น้องเอ: ต่อไปก็เป็นด่านที่แปดละค่ะ คือเขาถามว่าถ้าสมมุติป้าของเราปฏิเสธที่จะฉีดวัคซีนโควิดเรารู้สึกยังไง

ตอนแรกหนูก็บอกไปว่า คือรู้สึกว่าอยากให้ป้าฉีดเพราะว่า ถ้าอายุที่มากขึ้นแล้วมีโอกาสเสี่ยงสูงมากขึ้นอาจารย์ก็บอกว่าไม่ใช่ คุณจะรู้สึกยังไง หนูก็แบบว่าโอ้ รู้สึกยังไงรู้สึกเศร้าใจค่ะ เขาถามซ้ำๆ คือเขาไม่ต้องการให้เราตอบว่าในเชิงเทคนิคป้าจะเป็นยังไง แต่ถามความรู้สึกเรา เราจะรู้สึกยังไงซึ่งตอนนั้นหนูแบบว่ามันสามารถอธิบายความรู้สึกได้ด้วยเหรอ โอเคก็คงจะรู้สึกเสียใจแล้วมั้ง ใช่ค่ะที่แบบคือเหมือนมันเหมือนกับว่าเขาไม่รักตัวเองมากพอหรือเปล่า เพราะว่าคือ เหมือนบางคนขนาดอี้หนูก็คือป้าหนูเองนะคะ เขาก็ค่อนข้างที่จะกลัวการฉีดวัคซีนอยู่แล้ว เขาไม่ค่อยไปฉีดอยู่แล้ว คือหนูก็แค่รู้สึกว่าอยากให้เขารักตัวเองมากกว่านี้ แล้วก็ก็รู้สึกอีกอย่างนึงก็คือ รู้สึกเป็นห่วงค่ะ คือตอนนั้นช่วงนั้นมันระบาดเยอะมาก ในต่างประเทศคนที่เป็นโอไมครอนคือ เข้าไอซียูได้เลยถ้ามีอายุหรือว่ามีโรคแทรกซ้อนเพิ่ม ก็คือรู้สึกเป็นห่วงแล้วก็รู้สึกเศร้าใจกับเขา แต่เขาไม่ยอมไปฉีดวัคซีน


ครูกอล์ฟ: อาจารย์ยอมไหมพอเราตอบแบบนี้หรือหรือขยี้เพิ่ม


น้องเอ: ก็ยอมแล้วค่ะ แล้วเขาก็ถามเพิ่มว่าคิดว่านักศึกษานักเรียนสมัยนี้ควรที่จะไปทำจิตอาสาไหม หนูก็บอกว่าก็ดีนะคะ มันทำให้เราได้เพิ่มพูนความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากขึ้น เพราะว่าเด็กสมัยนี้คือเรียนๆ ก็คือให้ได้เข้าใจโลก ได้รู้จักแบ่งปันกับผู้อื่นมากขึ้น แล้วเขาก็ถามอีกว่าเด็กสมัยนี้ทำไมถึงไปจำจิตอาสาด้านโรงพยาบาลอย่างเดียว หนูก็บอกว่า เพราะว่าหนูสนใจด้านวงการแพทย์ก็เลยอยากลองที่จะไปทำ และหนูก็อยากรู้จักการเป็นหมอมากขึ้นด้วยค่ะ แล้วเขาก็เหมือนจี้อีกแล้วค่ะ เขาจี้ว่าทำไมเราถึงรู้ว่าเราอยากเป็นหมอไปทำด้านโรงพยาบาล ทำไมไม่ทำจิตอาสาด้านอื่น ตอนนั้นก็โดนจี้เยอะมาก หนูก็บอกว่าหนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ คือด้วยความที่เรารู้อยู่แล้วว่าเราอยากจะทำตรงนี้ก็เลยเลือกมาทำด้านโรงพยาบาลให้ได้เข้าใจการทำงานของอาชีพนี้มากขึ้นไปด้วย ในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย


ครูกอล์ฟ: ก็ดูหนักเนอะ ซึ่งเอก็ตอบดีเหมือนกัน เอก็ตอบในแง่ที่เป็น positive หมดเลย ครูนั่งฟังแล้วรู้สึกว่ามันมาจากตัวตนของเราด้วย มันมีออร่า positive ตลอดเวลาที่คุยกับเอ เพราะบางทีเราจะตอบแบบกวนๆ ก็ได้นะ เช่น อ้าวก็อยากเป็นหมอจะให้เป็นจิตอาสาเก็บขยะเหรอ มันก็จะเป็นการกวน น่าจะถึงด่านสุดท้ายแล้วครับ


น้องเอ: ด่านสุดท้ายก็คือด่าน HIV เป็นคุยกับคนไข้ HIV ค่ะ คือเขาจะเป็น role play เลยค่ะ เหมือนจะเป็นรุ่นพี่คณะศิลปะกรรมอะไรสักอย่างค่ะ ที่โดยตรงด้านนี้มาเป็นคนไข้แล้วเขาก็จะมีเรื่องให้เราอ่านก่อนช่วงพักเหมือนเดิมก็คือ ก่อนเข้าห้องจะมีโจทย์ให้เราอ่านว่า คนไข้คนเนี้ยเขาติดเชื้อมานะ แล้วเราจะต้องไปบอกกับคนไข้ ว่าเขาติดเชื้อ เหมือนก่อนหน้านี้เขามาตรวจแล้วเขายังไม่รู้ผล พอผลออกแล้วเราจะต้องเป็นคนบอกคนไข้ค่ะ เป็นหมอที่จะต้องบอกความจริงว่าคนไข้คนนี้ติดเชื้อ HIV


ครูกอล์ฟ: ก็คือโรคเอดส์นั่นแหละ ซึ่งเขาไม่รู้มาก่อน เขาจะได้รับความจริงจากเรา เราจะบอกกับเขายังไง ซึ่งสิ่งที่เราต้องบอกเป็น role play ความหมายคือไม่ได้บอกกับอาจารย์ แต่จะเป็นคนจริงๆ ที่คนนี้เป็นรุ่นพี่ของคณะแสดงละครอะไรสักอย่างนึง แล้วเราต้องบอกกับเขาในฐานะคนจริงๆ


น้องเอ: ใช่ค่ะ ก็คือ มีอาจารย์สองท่านที่นั่งมองเรา หนูก็สวัสดีค่ะคนไข้


ครูกอล์ฟ: ตอนแรกที่หนูเจอเขา เขาเป็นยังไงสภาพที่เขานั่งอยู่


น้องเอ: เขานั่งเครียดเลยค่ะครู เขาก็ลุ้นผลอยู่ เราก็สวัสดีค่ะคนไข้ก็ผลออกแล้วนะคะ จริงๆ คนไข้ก็เหมือนจะติดเชื้อนะ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าเรามียารักษา ถ้าคนไข้ปฏิบัติตามที่หมอบอกก็มีโอกาสที่จะดีขึ้นได้ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เขาก็ร้องไห้ค่ะ เขาร้องไห้ออกมา แล้วเขาก็บอกว่าแล้วผมจะทำยังไง แล้วเขาก็บอกว่า เขากลัวว่าเขาจะแบบเสียชีวิตค่ะ หนูก็บอกว่าไม่ต้องห่วงไปเรามียารักษานะ ถ้ามาหาหมอตลอด กินยาตามที่หมอบอก ระวังระมัดระวังตัวตามมาตรการปกติก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะคะ แล้วเขาก็บอกว่าเขามีปัญหาอย่างนึคือเขาคบกับคนที่เป็นเพศเดียวกัน แล้วเขากลัวว่าแฟนเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเชื้อนี้เขาได้มาจากคนอื่น เหมือนเขาไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมา จะเป็นการนอกใจแฟนอีก เขาไม่รู้จะบอกแฟนยังไง แล้วเรื่องที่เขาคบกับคนเพศเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะบอกกับครอบครัวยังไง ถ้าครอบครัวรู้เรื่องนี้ คือมีเรื่องราวมากมายให้ไขคดีค่ะ ซึ่งอันดับแรกคือที่จะบอกกับแฟนใช่ไหมคะ คือพี่เขาก็เหมือนจะแอบช่วยหนูหน่อยๆค่ะ คือพี่เขาก็บอกประมาณว่าเขาก็ไปสักมา เขาก็เลยบอกว่าก็ไม่รู้ว่าจะใช่ไหม หนูก็บอกโอเคค่ะ คนไข้ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ คือมันมีความเป็นไปได้ที่เราจะได้รับเชื้อมาจากเข็มที่ไปใช้สักคนอื่นมาก่อนหน้านี้ ถ้าคนไข้กลัวที่จะมีปัญหาจริงๆ สามารถเชิญแฟนของคนไข้มาคุยกับหมอได้ หมอสามารถอธิบายให้ฟังได้ว่ามันมีหลายช่องทางนะที่จะสามารถติดเชื้อนี้มาได้ ไม่ใช่แค่ผ่านทางเพศสัมพันธ์อย่างเดียวนะคะ แล้วเขาก็บอกว่าเขาก็กลัวที่บอกครอบครัว ครอบครัวเขาจะรับไม่ได้ถ้าชรู้เรื่องนี้ แล้วก็กลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ด้วย หนูก็บอกว่าไม่ว่าจะเพื่อนหรือว่าครอบครัว ก็คือยังไงเขาก็จะรับได้ในสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้ว อยากให้เขาไปบอกกับทางครอบครัวเขาจริงๆ เพราะว่ามันต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะเพราะว่าเขาจะภูมิต่ำลง เขาก็ต้องระวังจากเชื้อข้างนอก ครอบครัวเขาก็จะต้องระมัดระวังไม่เอาเชื้ออื่นมาให้เขาอีก


ครูกอล์ฟ: ถามจริงๆแสดงเนียนไหมคือร้องไห้จริงๆเลย ?


น้องเอ: ใช่ค่ะ ร้องไห้จริงๆ เขาแบบดราม่าสุดขีด แต่เขาต้องดราม่าตั้งกี่รอบหนูเหนื่อยแทนนะ


ครูกอล์ฟ: เหมือนคำพูดของเราอะไปกุมชีวิตเขาอยู่นะ ถ้าเราพูดผิดไปอะ แล้วเขาไปคิดผิดขึ้นมาคนที่แบกรับภาระนั้นไว้ก็เครียดเหมือนกัน เป็นอาชีพที่ก็เครียด


น้องเอ: หนูก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าถ้าวันนึงต้องไปบอกผลแบบนี้จะต้องพูดยังไง คนไข้เป็นมะเร็งนะแบบนี้ คือเราจะต้องพูดยังไงอะค่ะ มันต้องมีวิธีการบอกให้เขาแบบไม่ตกใจเกินไป แต่หนูก็ไม่รู้จะพูดยังไง


ครูกอล์ฟ: หมดนี้ภายในครึ่งวัน เก้าด่าน หลังจากจบเก้าด่านแล้วตอนนั้นเอเป็นไง


น้องเอ: เดินออกมาสภาพหนูคือ ล้าเลยค่ะ แบบว่าพูดน้ำลายบูดเลย


ครูกอล์ฟ: เป็นครูนี่ถ้าอารมณ์นี้เดินออกมาคือ อารมณ์เหมือนเดินออกจากห้องสอบนี่นั่งรถเมล์นี่เลยป้ายนะ

ก็ขอบคุณมากนะครับได้มาข้อมูลอินไซต์เกี่ยวกับการสัมภาษณ์คุณหมอรามาฯก็รู้สึกเลยนะว่าเป็นการสัมภาษณ์ที่เข้มข้น เอรู้สึกยังไงกับการสัมภาษณ์นี้ครับ


น้องเอ: ก็รู้สึกดีค่ะได้ลองมาเล่าให้คนอื่นฟัง เผื่อจะเป็นแนวทางให้กับน้องๆ ต่อไปในอนาคต เผื่อใครอยากที่จะเข้าก็จะได้พอมีไอเดียว่าจะต้องเจอกับอะไร


ครูกอล์ฟ: แต่ดีมากเลยนะเพราะว่าสัมภาษณ์เป็นกลาง ตัดเรื่องชื่อนามสกุลทิ้งจะเป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่ได้มีผลและเรื่องสถาบันการศึกษาทิ้งอีก เรื่องที่จะเป็นรุ่นน้องรุ่นพี่ก็ตัดทิ้งเหมือนกับการสัมภาษณ์นี้จะคัดเฉพาะคนที่เหมาะจะเป็นหมอจริงๆนะ ก็สุดยอดเลย ตอนนี้น้องเออยู่ชั้นปีที่สองแล้ว ปีที่หนึ่งปีที่สองของรามาฯเรียนอะไรบ้างครับ


น้องเอ: ปีที่หนึ่งเทอมแรกก็จะเป็นเรื่องทั่วๆไปค่ะ พวกเคมีพื้นฐาน ฟิสิกส์ แคลคูลัส ตอนนี้เรามายังมีแคลคูลัสอยู่ แต่ในอนาคตอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


ครูกอล์ฟ: หมอต้องเรียนแคลคูลัสด้วย


น้องเอ: ใช่ค่ะ แล้วก็เทอมสองก็ยังมี organic chemistry biochemistry microbiology พวกสิ่งมีชีวิตตัวน้อย แล้วก็ anatomy พื้นฐานเพื่อจะปูทางไปให้ปีสอง


ครูกอล์ฟ: Physical Chemistry ไม่มีนะ


น้องเอ: ไม่มีค่ะ พอขึ้นปีสอง ตอนนี้หนูก็เรียนเกี่ยวกับยา pharmacology แล้วก็ antimicrobial agents

ก็คือรักษาพวกสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเนี่ยแหละค่ะ ที่เราเคยเรียนไปตอนปีหนึ่งแล้วก็ตอนนี้เรียน anatomy อยู่


ครูกอล์ฟ: ตอนที่ปีสอง เรียน anatomy เริ่มมีผ่ายังครับ


น้องเอ: เริ่มผ่าแล้วค่ะ


ครูกอล์ฟ: ตื่นเต้นไหม


น้องเอ: วันแรกคือเหงื่อออกเยอะมากค่ะ คือหนูเป็นคนเหงื่อออกเยอะอยู่แล้วด้วยค่ะ


ครูกอล์ฟ: ที่ผ่านี่คือผ่าอะไรครับ ผ่าอะไรบ้าง


น้องเอ: ตอนนี้ผ่ากล้ามเนื้อค่ะ


ครูกอล์ฟ: คือผ่าคนจริงๆที่เราเรียกว่าอาจารย์ใหญ่ใช่ไหม


น้องเอ: ใช่ค่ะ


ครูกอล์ฟ: กี่คนต่อหนึ่งอาจารย์ใหญ่ที่เราผ่า


น้องเอ: กลุ่มนึงมีห้าคนค่ะ ก็ช่วยๆกันรุมกันนะคะ กลุ่มหนูน่ารักจุ้มปุ๊กมากค่ะ สามคนนั่งเลาะๆ กันก็แบ่งกันเพราะว่าเราจะทำเหมือนกันสองฟาก


ครูกอล์ฟ: เคยผ่านมาก่อนไหมครับ


น้องเอ: ก่อนที่จะมาขึ้นปีสองไม่เคยเลยค่ะ


ครูกอล์ฟ: แล้วครั้งแรกรู้สึกยังไงอะอยากรู้


น้องเอ: ครั้งแรกคือเลาะชั้นคือ เลยอะค่ะ เลยไปจะเอาแขนไขมันออกก็เอากล้ามเนื้อไปด้วย ก็คือยังไม่รู้ทิศทางของมีด เหมือนพอเราจำจากตำรามาแล้วพอมาลงผ่าจริงก็คือเป็นอีกเรื่องนึงไปอีก ก็โชคดีที่มีเพื่อนคอยแบกไว้ค่ะ


ครูกอล์ฟ: เพื่อนหนูกับหนูตื่นเต้นกันไหมที่ไปผ่าครั้งแรกอะหรือมีกลัวไหม


น้องเอ: ไม่เห็นมีใครกลัวเลยนะคะ ทุกคนดูแบบเอ็นจอยดีจะมีเปิดเพลง คือเพื่อนเลือกเพลงแบบยุคหกศูนย์เผื่ออาจารย์ใหญ่จะชอบอะไรเงี้ย เราเอาใจอาจารย์มากเลยนะคะ แล้วก็เพื่อนก็เล่านิทานให้ฟังระหว่างเราผ่า


ครูกอล์ฟ: แสดงว่ารุ่นหนูนี่สตรองมาก ถึงทำรุ่นพี่ผิดหวังเลยไหม


น้องเอ: พี่ทีแลปบอกว่าเสียใจมาก ผิดหวังมาก ไม่มีน้องเป็นลมสักคน พี่ไม่ได้ทำงานเลย


ครูกอล์ฟ: มีอะไรที่อยากจะบอกเกี่ยวกับน้องที่สนใจจะเรียนแพทย์รามาฯ ไหมครับว่า แพทย์รามาฯ ดียังไงแล้วก็ทำไมถึงต้องมาเรียนที่แพทย์รามาฯ ด้วย


น้องเอ: จริงๆ คือหนูรู้สึกว่าเขามีระบบที่ซัพพอร์ตนักศึกษาได้เป็นอย่างดี ทั้งนอกห้องเรียนที่จะมีสถานที่ให้เด็กได้ไปออกกำลังกายคลายเครียด รอบมหาลัยก็คือน่าอยู่ค่ะ สามารถเดินเล่นได้


ครูกอล์ฟ: คือตอนนี้เด็กที่เรียนรามาฯ ตอนนี้ต้องไปเรียนที่ไหนนะครับ


น้องเอ: ถ้าปีแรกจะเรียนที่มหิดลศาลายา ปีที่สองสามจะเรียนที่สถาบันการแพทย์จักรีค่ะ ซึ่งอยู่ที่สมุทรปราการ


ครูกอล์ฟ: เพิ่งสร้างเสร็จเลยใช่ไหม หนูเป็นรุ่นแรกแรกที่ได้ใช้ที่นี่ไหม


น้องเอ: ก็ไม่แรกขนาดนั้นนะคะประมาณรุ่นห้า แล้วก็พอปีสี่ถึงปีหกก็จะสลับระหว่างจักรีกับพญาไทค่ะ

แล้วที่จักรีเนี่ยคือ facilities เพียบพร้อม มีพวกสระว่ายน้ำ สนามแบดมินตัน รองรับให้นักศึกษา ได้ไปทำอย่างอื่นนอกจากการเรียนบ้าง แล้วก็มีรถรับส่งส่งออกไปข้างนอก ที่หนูเคยบอกครูไปว่าออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างได้ค่ะ แล้วก็มีห้องอ่านหนังสือ learning commons ให้นักศึกษาเต็มที่ค่ะ


ครูกอล์ฟ: ก็ขอบคุณมากสำหรับวันนี้นะครับแล้วก็ดีใจที่สุดท้ายเห็นน้องเอได้เป็นหมออย่างที่ตั้งใจนะครับแล้วครูก็อยากฝากผีฝากไข้เนอะ ในอนาคตต้องไปเป็นหมอเผื่อครูไม่สบายครูจะไปหา


น้องเอ: พอหนูจบแล้วครูอาจจะไม่ดีกว่านะ ครูขอเปลี่ยนคน


ครูกอล์ฟ: ถ้าเป็นเอจะบอกข่าวร้ายกับครูว่าครูเป็นโรคอะไรสักอย่างนึง อาจจะครูคะ ครูอาจจะเป็นอะไรที่ซอฟต์ๆ ครูก็จะเตรียมตัวเตรียมใจทัน ก็ดีใจครับแล้วก็เหลืออีกกี่ปีนะครับที่ต้องเรียน


น้องเอ: อีกสี่ปีค่ะ เรียนจบก็ต้องมีการใช้ทุนแล้วก็ต่อเฉพาะทาง เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันนะคะ ตอนนี้ให้จบปีสองให้ได้หนูก็ดีใจแล้วค่ะครู


ครูกอล์ฟ: จบอยู่แล้วนะครับ ยังไงแล้วเดี๋ยวก็จะคอยเป็น FC ติดตามน้องเอต่อไป แล้วจะรอลุ้นต่อว่าเอจะไปเลือกเฉพาะทางทางด้านไหนนะครูก็จะฝากผีฝากไข้ตามไปรักษา ตามไปเป็นคนไข้ โอเคขอบคุณมากครับน้องเอ ขอบคุณครับ


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาคอร์สเรียนเตรียมตัวสอบในหลักสูตรต่าง ๆ #TheClassTutor ของเราเปิดสอนพิเศษ 1-on-1 ทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online กับติวเตอร์มากความสามารถที่จะแชร์เทคนิค ตะลุยโจทย์ และเจาะลึกเนื้อหา เพื่อช่วยให้น้องๆได้พัฒนาตนเอง และได้คะแนนตามที่ต้องการ

หลักสูตรที่เปิดสอน อาทิเช่น A-level | IGCSE | IELTS | TOEIC | TOEFL | IB | GED | SAT และอีกมากมาย

สามารถปรึกษาและวางแผนการเรียนได้แล้ววันนี้ #edexcel #pastpaper #internationalschool #IGCSE #cambridge #igcsepastpapers #savemyexams #alevel

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ดู 10 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page