บทสัมภาษณ์พิเศษ: ไขความลับ "ทุนโรงเรียนอินเตอร์" เส้นทางสู่โอกาสของลูกคุณ | All you need to know about International School Scholarships in Bangkok
- pararawee
- Jun 26
- 5 min read
ในฐานะที่ปรึกษาด้านการศึกษา เราเข้าใจดีถึงข้อสงสัยและความปรารถนาของผู้ปกครองหลายท่านที่อยากจะมอบโอกาสทางการศึกษาที่ดีที่สุดให้กับบุตรหลาน แต่บางครั้ง "ทุนทรัพย์" ก็กลายเป็นกำแพงสำคัญ เพราะแม้ว่าโรงเรียนไทย (ทั้งระบบปกติและ EP) หรือโรงเรียนนานาชาติ จะมีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนนานาชาติก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างสูง
คำถามที่ผุดขึ้นในใจหลายคนคือ: "ถ้าลูกเราอยากเข้าโรงเรียนอินเตอร์ แล้วมีโอกาสขอทุนได้ไหม?"
วันนี้ The Class Tutor ได้รับเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับ "น้องอะกิระ" นักเรียนทุนผู้มากความสามารถจาก โรงเรียนนานาชาติ Harrow Bangkok ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ตรง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการค้นพบโอกาส การเตรียมตัว จนกระทั่งคว้าทุนมาครองได้สำเร็จ เรื่องราวของน้องอะกิระจะเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางให้กับผู้ปกครองที่กำลังมองหาโอกาสนี้ให้กับลูกๆ อย่างแน่นอนค่ะ
Part 1: บทสัมภาษณ์: เส้นทางสู่การเป็นนักเรียนทุนโรงเรียนอินเตอร์ที่ Harrow ของ "อะกิระ"

ครูกอล์ฟ: "สวัสดีครับน้องอะกิระ ก่อนอื่นเลยอยากให้น้องแนะนำตัวให้ผู้อ่านได้รู้จักกันนิดนึงครับ"
อะกิระ: "สวัสดีครับ ผมชื่ออะกิระครับ ตอนนี้เรียนอยู่ที่ Harrow International School Bangkok ครับ อยู่ Year 12 กำลังจะขึ้น Year 13 ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ทราบมาว่าน้องอะกิระเป็นนักเรียนทุนของ Harrow วันนี้ครูเลยอยากจะชวนคุยถึงจุดเริ่มต้นเลยนะครับ ว่าเป็นมายังไง ไปทราบข่าวเรื่องทุนจากที่ไหน แล้วเตรียมตัวสมัครสอบยังไงถึงได้ทุนที่ Harrow ครับ?"
อะกิระ: "คือผมเรียนเปียโนกับครูท่านนึงครับ ซึ่งครูท่านนี้ก็สอนอยู่ที่ Harrow ด้วยครับ พอเรียนไปสักพัก ช่วงที่ผมกำลังจะขึ้น ป.6 ต้องเตรียมตัวเข้า ม.1 ครับ"
ครูกอล์ฟ: "เริ่มเรียนเปียโนมาตั้งแต่ตอนอายุเท่าไหร่ครับ?"
อะกิระ: "น่าจะประมาณ 6-7 ขวบครับ"
ครูกอล์ฟ: "โอ้โห ตอนนั้นยังเด็กมากๆ เลย"
อะกิระ: "ใช่ครับ ก็เรียนมาเรื่อยๆ จนครูเขาก็แนะนำให้ลองไปสมัคร Harrow ดูครับ แล้วครูก็พาผมไปดูโรงเรียนอะไรอย่างนี้ ผมก็ชอบเลยครับ ตอนนั้นในความคิดของเด็กๆ คือโรงเรียนอินเตอร์ฯ น่าจะเรียนสบายๆ ไม่ต้องเครียดมาก เพราะตอนนั้นเรียนโรงเรียนไทยค่อนข้างหนักครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นเรียนโรงเรียนไทยที่ไหนครับ?"
อะกิระ: "โรงเรียนอัตตาภิวัฒน์ แถวบ้านแพ้ว สมุทรสาครครับ"
ครูกอล์ฟ: "คือตอนนั้นเราคิดว่าเรียนโรงเรียนไทยมันหนักใช่ไหม?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วถ้าได้ย้ายไปเรียนอินเตอร์ ชีวิตน่าจะสบายขึ้น?"
อะกิระ: "ใช่ครับ ด้วยความคิดนี้เลย"
ครูกอล์ฟ: "ด้วยความคิดนี้ก็เลยอยากสอบทุนเพื่อจะได้เข้าโรงเรียน?"
อะกิระ: "ใช่ครับ ครูเขาก็แนะนำว่าต้องไปสอบ ต้องเตรียมตัวอะไรยังไงบ้าง"

ครูกอล์ฟ: "ขอถามรายละเอียดเรื่องเปียโนนิดนึงครับ ปกติการเรียนเปียโนจะมีการสอบวัดระดับใช่ไหมครับ ก่อนที่จะไปสมัคร Harrow ตอนนั้นระดับเปียโนของเราอยู่ระดับไหนครับ?"
อะกิระ: "เปียโนน่าจะอยู่ประมาณเทียบเท่าเกรด 7 ครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วมีเกรดสูงสุดถึงเกรดอะไรบ้างครับ?"
อะกิระ: "สูงสุดคือเกรด 8 ครับ"
ครูกอล์ฟ: "โอ้โห แสดงว่าก็คือไล่มาตั้งแต่ 1 ถึง 7 ตอนนั้นที่ได้เกรด 7 อายุเท่าไหร่ครับ?"
อะกิระ: "ประมาณ 12 ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ถือว่าเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เกรด 7 เลยไหมครับ?"
อะกิระ: "ก็ไม่นะครับ มีเด็กที่เด็กกว่านั้นอีกครับ"
ครูกอล์ฟ: "แสดงว่ามี 'เทพกว่า' เราอีกใช่ไหม (หัวเราะ)?"
อะกิระ: "ใช่ครับ (ยิ้ม)"
ครูกอล์ฟ: "แสดงว่าถ้าเกิดเราอยากจะเข้าอินเตอร์แล้วอยากสมัครทุน เวลาสอบวัดระดับก็ให้ได้ประมาณเกรด 7 แบบอะกิระนี่พอไหว?"
อะกิระ: "สำหรับทุนโรงเรียนอินเตอร์ เขาจะดู 'Potential' มากกว่าครับ ว่าเราเข้าไปแล้วเราจะมีศักยภาพที่จะพัฒนาเก่งในดนตรี และช่วยกิจกรรมของโรงเรียนได้มากแค่ไหน การมีเกรดสูงๆ ก็เป็นเรื่องดีครับ เขาก็อยากได้เกรดสูงอยู่แล้ว"
ครูกอล์ฟ: "อ้าว แล้วแบบนี้เราเอาแค่ความสามารถทางดนตรีอย่างเดียวพอไหมครับ หรือเขาดูอย่างอื่นด้วย?"
อะกิระ: "ดูครับ เขาก็ดูด้าน Academic (วิชาการ) ด้วย เพราะก่อนสอบทุนก็ต้องไปสอบสกรีนที่ Harrow ครับ เขาก็ให้ทำพวกวิชา Math (คณิตศาสตร์) ภาษาอังกฤษ อะไรพวกนั้นด้วย"
ครูกอล์ฟ: "แสดงว่าถ้าจะเป็นนักเรียนทุนด้านดนตรี (Music Scholar) ไม่ใช่แค่เก่งดนตรีอย่างเดียว แต่ต้องมีพื้นฐานวิชาการที่ดีพอสมควรด้วย? เขาเทสต์เราสองวิชาคือภาษาอังกฤษกับเลขใช่ไหมครับ?"
อะกิระ:" "แล้วก็เทสต์พวก IQ ด้วยครับ"
ครูกอล์ฟ: "IQ ที่เป็นภาพอะไรพวกนั้นก็ต้องสอบด้วยเหมือนกัน?"
อะกิระ: "ครับ"
ครูกอล์ฟ: "โอเค ถ้าอย่างนั้นครูถามนิดนึงครับ อย่างวิชา Math เนี่ย เวลาเราเข้าไปเทสต์ข้อสอบ Math เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษครับ?"
อะกิระ: "ภาษาอังกฤษครับ เป็นภาษาอังกฤษเลย"
ครูกอล์ฟ: "แล้วตอนนั้นเราเรียนโรงเรียนไทยมา แล้วไปเจอครั้งแรกนี่ช็อกไหม หรือเรามีการเตรียมตัวยังไง?"
อะกิระ: "ก็ช่วงนั้นมีไป ติว นิดหน่อยครับ ก็ติวภาษาอังกฤษ ติวเลข นี่แหละครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วภาษาอังกฤษที่เราไปสอบ เขาสอบอะไรบ้างครับ มี Speaking หรือ Reading ด้วยไหม?"
อะกิระ: "มี Reading, Writing แล้วก็ Interview (สัมภาษณ์) ครับ"

ครูกอล์ฟ: "แสดงว่าการสมัครสอบเข้าไป นอกจากการยื่นเอกสารและความสามารถแล้ว ยังต้อง Perform ดนตรีให้เขาดู แล้วก็ต้องมีการสอบข้อเขียน หรือสัมภาษณ์อะไรพวกนี้ด้วย?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ความรู้สึกแรกที่ได้ไปโรงเรียนอินเตอร์แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ?"
อะกิระ: "โอ้โห... 'ดีจังว่ะ' ครับ (หัวเราะ)"
ครูกอล์ฟ: "ดีจังในแง่ไหนครับ?"
อะกิระ: "ก็พวก Facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) อะไรพวกนี้ครับ ตึกใหม่ โรงเรียนใหญ่ สนามฟุตบอลนี่ใหญ่มากๆ เลย มีแอร์ มีอะไรหมดเลยครับ ดูสภาพบรรยากาศมันก็มีเด็กวิ่งเล่น มีอะไรดูชิลๆ ดีครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นสมัครสอบกี่ครั้งครับ ครั้งแรกแล้วติดเลยไหมครับ หรือเกิดอะไรขึ้น?"
อะกิระ: "ยื่นไปครั้งแรกก็ได้เลยครับ"
ครูกอล์ฟ: "โดยใช้เปียโนอย่างเดียว?"
อะกิระ: "ตอนนั้นใช้เปียโนกับแซ็กโซโฟนครับ"
ครูกอล์ฟ: "อ้าว ตอนแรกเห็นบอกว่ายื่นสมัครโดยใช้เปียโนใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "คือเปียโนมีคนที่เป็นเด็กทุนเปียโนเยอะแล้วครับ แล้วเขาอยากได้เครื่องดนตรีที่มันแตกต่างออกไปอีก แล้วครูเปียโนคนนั้นแหละครับ เขารู้อยู่แล้ว เขาก็เลยไปบอกว่าเหมือนผมต้องเรียน 'เครื่องดนตรีเพิ่ม' ก็เลยเริ่มเรียนแซ็กนี่แหละครับ"

Part 2 บทสัมภาษณ์: เส้นทางสู่การเป็นนักเรียนทุนโรงเรียนอินเตอร์ที่ Harrow ของ "อะกิระ" (ต่อ)
ครูกอล์ฟ: "แล้วทำไมถึงตัดสินใจเลือกเรียนแซ็กโซโฟนครับ?"
อะกิระ: "เพราะว่าผมชอบแซ็กครับ แต่ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ครูบอกอะไรก็ทำตามไปหมดเลยครับ"
ครูกอล์ฟ: "ถ้าอย่างเปียโนที่เราถนัดอยู่แล้ว ไปเลือกเครื่องดนตรีอื่นที่ต่างไปเลย มันจะยังใกล้เคียงกันไหมครับ?"
อะกิระ: "คืออย่างเปียโนเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นตามจังหวะ ถ้าไปเลือกกลองหรือเครื่องดนตรีแนวอื่นก็อาจจะยังคล้ายๆ กันครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นใช้เวลานานแค่ไหนครับ กว่าจะฝึกแซ็กโซโฟนจนสอบได้?"
อะกิระ: "ประมาณปีนึงครับ แล้วก็เอาไปใช้สอบเข้าเลย"
ครูกอล์ฟ: "แซ็กโซโฟนเนี่ย ต้องสอบวัดระดับเหมือนกับเปียโนด้วยไหมครับ?"
อะกิระ: "มันก็มีเกรดเหมือนกันครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นพอเรียนเปียโนมาถึงระดับเกรด 7 ซึ่งเรียกว่าคล่องมากจนสอนเปียโนได้เลย แล้วพอต้องมาเริ่มต้นกับแซ็กโซโฟนใหม่ รู้สึกยังไงบ้างครับ?"
อะกิระ: "ก็ Struggle (ต้องดิ้นรน) อยู่ครับ มันเป็นวิธีการเล่นคนละแบบกันเลย ไปเรียนรอบแรกก็เป่าไม่ออก เป่าอะไรก็ไม่ออก ใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับตัวได้ครับ แต่ยังดีที่เราได้พื้นฐานโน้ต ได้พื้นฐานการฟังมาจากเปียโน ซึ่งมันก็พอช่วยให้พัฒนาได้เร็วขึ้นอยู่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "กลายเป็นว่าเล่นได้สองเครื่องดนตรีที่ไม่เหมือนกันเลย แล้วปัจจุบันนี้เล่นดนตรีอะไรได้บ้างครับ?"
อะกิระ: "ก็มีแซ็กโซโฟนครับ มีเปียโน..."
ครูกอล์ฟ: "มีกีตาร์ด้วยไหม?"
อะกิระ: "ครับ"
ครูกอล์ฟ: "อย่างอื่นเล่นได้นิดๆ หน่อยๆ ด้วยใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "พวกกลอง เบส อะไรพวกนั้นครับ ก็เล่นได้บ้าง นิดๆ หน่อยๆ ครับ แต่ก็ไม่นับว่าเล่นเป็นแล้วกันนะครับ (หัวเราะ)"
ครูกอล์ฟ: "เข้าใจว่าน้องอะกิระได้รางวัลด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ เลยใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ได้มาเยอะมาก แต่ครูอยากให้เล่าถึง 3 รางวัลที่ประทับใจที่สุดครับ เริ่มจากอันดับที่ 3 ก่อนเลย"
อะกิระ: "ที่ 3 น่าจะเป็น แซ็กโซโฟน ครับ เป็น High Scorer เกรด 7 คือสอบได้คะแนนมากที่สุดในประเทศไทย เกรด 7 แซ็กโซโฟนครับ"
ครูกอล์ฟ: "แข่งกับใครครับ?"
อะกิระ: "ก็ทุกคนที่สอบเกรด 7 ทั้งประเทศเลยครับ"
ครูกอล์ฟ: "ทั้งประเทศเลย? แล้วเราได้ที่ 1 ด้วย?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วนี่คืออันดับที่ 3 ของเราเหรอ?"
อะกิระ: "ใช่ครับ อันดับที่ 3"
ครูกอล์ฟ: "โอเค! แล้วอันดับที่ 2 คืออะไรครับ?"
อะกิระ: "อันดับที่ 2 น่าจะเป็น เปียโน ครับ เป็นรายการ มหิดล เปียโน แจ๊ส ชนะที่ 1 รุ่นไม่เกิน 17 ปีครับ"
ครูกอล์ฟ: "อันนี้ก็เพิ่งผ่านมาไม่นานนี่ครับ?"
อะกิระ: "อ่า...ประมาณปีสองปีที่แล้วครับ"

ครูกอล์ฟ: "อ้าว แล้วรางวัลที่ 1 ที่เราประทับใจที่สุดล่ะครับ?"
อะกิระ: "เปียโนครับ รางวัลอันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นรายการแรกที่ผมชนะได้ที่ 1 เลยครับ"
ครูกอล์ฟ: "อันนั้นดีใจมากเลยใช่ไหม?"
อะกิระ: "ดีใจมากครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วแข่งที่ไหนครับ?"
อะกิระ: "แข่งที่ศูนย์หอศิลป์ประเทศไทยครับ"
ครูกอล์ฟ: "ทำไมถึงประทับใจ และให้รายการนี้เป็นที่ 1 ครับ?"
อะกิระ: "เพราะว่าเป็นรายการแรกเลยครับที่ชนะได้ที่ 1 แล้วก็เหมือนเราไม่ได้ Expect (คาดหวัง) ว่าเราจะชนะหรืออะไรเลยครับ ตอนประกาศว่าได้ที่ 1 นี่ดีใจมาก"
ครูกอล์ฟ: "นี่บอกว่าดีใจ แต่หน้านิ่งมากเลยนะครับ"
อะกิระ: "(หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกจริงๆ ครับ"
ครูกอล์ฟ: "มีนักเรียนทุนที่เข้าไปแบบนี้ครับ ที่เราเรียกว่าเป็น ทุนดนตรี ซึ่งก็ต้องใช้การเรียน Academic ด้วย ต่อให้คุณเก่งดนตรีเทพๆ แต่ถ้าผลการเรียนไม่ดี คุณก็เข้าไปเรียนไม่ได้ มีกี่คนเยอะไหมครับในรุ่นๆ หนึ่ง?"
อะกิระ: "ตอนที่ผมเข้าไป มีอยู่ 2 คนครับ"

Part 3 บทสัมภาษณ์: เส้นทางสู่การเป็นนักเรียนทุนโรงเรียนอินเตอร์ที่ Harrow ของ "อะกิระ" (ต่อ)
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นที่น้องอะกิระบอกว่ามีนักเรียนทุนดนตรีในรุ่นแค่ 2 คน ค่อนข้างน้อยเลยใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "ใช่ครับ ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่คนอื่นจะเป็นรุ่นโตๆ กันแล้ว"
ครูกอล์ฟ: "ที่ Harrow มีทุนอะไรบ้างครับ?"
อะกิระ: "มี ทุนดนตรี (Music Scholarship), ทุน Academic (วิชาการ), และ ทุนกีฬา (Sports Scholarship) ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนแรกที่ครูเจอน้องอะกิระ ครูยังรู้สึกแปลกใจว่าน้องได้ทุนอะไร ครูยังไม่รู้ว่าเป็นทุนดนตรีด้วยซ้ำครับ"
อะกิระ: "ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ครูนึกว่าเป็นทุน Academic ด้วยซ้ำครับ เพราะดูเหมือนสอนอะไรไปก็เข้าใจหมดเลย พูดถึงแล้วเนี่ย ในเส้นทางตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนถึงวันที่ได้ทุน ถ้าครูไล่เรียงนะ มันเหมือนกับว่าเรารู้จักจากครูที่แนะนำเราไป ก็เลยยอมสมัคร แล้วพอไปเห็นโรงเรียน ก็เกิดความอยากเข้าด้วย มันเลยเป็น Passion ที่ทำให้เราได้ฝึกดนตรีเพิ่มด้วย แต่พอถึงวันที่ตัดสินใจแล้ว แล้วต้องไปฝึกแซ็กโซโฟนเพิ่ม มันก็ไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "ก็ไม่ครับ ไม่ง่ายเลยครับ ใช้ความพยายามเยอะเหมือนกัน"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นที่ฝึกแซ็กโซโฟน ถึงกับทิ้งเปียโนไปเลยไหม?"
อะกิระ: "ไม่ครับ ซ้อมทั้งสองอย่างพร้อมกันเลย"
ครูกอล์ฟ: "ซ้อมเยอะไหมครับ ตอนนั้นที่ซ้อมแซ็กโซโฟน?"
อะกิระ: "พยายามซ้อมเยอะครับ แต่จริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบซ้อมเท่าไหร่ แต่คุณแม่ก็บังคับให้ซ้อมครับ"
ครูกอล์ฟ: "แซ็กโซโฟนเหนื่อยกว่าเปียโนไหมครับ?"
อะกิระ: "เวลาเล่นเหนื่อยกว่าครับ ใช้ลมเยอะ แล้วตอนนั้นเรายังตัวเล็กอยู่ เครื่องมันก็เทียบกับตัวเราแล้วใหญ่เหมือนกันนะครับ"
ครูกอล์ฟ: "เท่ากับว่าต้องแข็งแรงด้วย ต้องถือเครื่องด้วย แล้วก็ต้องเป่าลมออกมาให้ได้ด้วย เครื่องเป่าก็มีความยากตรงนี้ เพราะมันใช้พลังกายเยอะกว่า ถ้าเป็นเปียโนจะซ้อมทั้งวันก็ได้ใช่ไหมครับ เพราะใช้แค่มือ?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"

ครูกอล์ฟ: "ช่วยเล่าตอนสอบได้ไหมครับ ทั้ง Academic และสอบดนตรีด้วย ความกดดันตอนไหนมันมากกว่ากัน แล้วเราเล่นพลาด หรือมีอะไรบ้างไหม แล้วแก้ไขยังไง?"
อะกิระ: "ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสอบพร้อมกันสองอย่างในวันเดียวกันเลยครับ ไปวันเดียวก็ต้องสอบทั้งหมด"
ครูกอล์ฟ: "แล้วเป็นยังไงบ้าง?"
อะกิระ: "สอบ Academic ก่อนครับ เขาก็มีโจทย์มาให้ มันก็งงๆ หน่อย เราก็ตอบๆ ไปเรื่อยๆ ครับ แต่ที่น่าจะยากสุดน่าจะเป็น Writing (การเขียน) ครับ เขาก็ให้กระดาษเปล่ามา หัวข้ออะไรสักอย่างจำไม่ได้แล้ว แล้วเราก็นั่งเขียน Bullet Point (ข้อสรุปสั้นๆ) อยู่เหมือนกันนะครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นนึกไม่ออกเลยเหรอ?"
อะกิระ: "นึกไม่ออกครับ"
ครูกอล์ฟ: "ต้องเขียนกี่หน้าตอนนั้น?"
อะกิระ: "เอ่อ...เขาน่าจะบอกมา 300 คำ (Words) ครับ แต่มันก็เขียนออกมาไม่ค่อย Make Sense (สมเหตุสมผล) เท่าไหร่ เพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษผมยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เขียนไปลบไป เขียนไปลบไป"
ครูกอล์ฟ: "แต่สุดท้ายก็เขียนเสร็จนะ!"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ครูนึกว่าไปสะดุดตรง Writing นิดนึง"
อะกิระ: "ครับ"
ครูกอล์ฟ: "พอสอบวิชาการเสร็จปุ๊บ ทีนี้ก็เป็นการสอบ Performance ดนตรีแล้ว เป็นไงบ้างครับ?"
อะกิระ: "กดดันครับ"
ครูกอล์ฟ: "กดดันเหรอ?"
อะกิระ: "กดดันครับ"
ครูกอล์ฟ: "ทำไมครับ ห้องสอบมีกี่คน ครูเข้ามาดูเรากี่คน?"
อะกิระ: "เราเข้าไปในห้อง มันเป็นห้องแสดงดนตรีครับ มันจะมีที่นั่งเป็นชั้นๆ ขึ้นไปใช่ไหมครับ แล้วก็จะมีครูอยู่ 2 คนครับ เป็น Head of Music (หัวหน้าภาควิชาดนตรี) แล้วก็มีผู้ช่วยเขาอีกคนครับ เขาก็ให้เราเล่นเลยครับ พอเล่นเสร็จเขาก็จะถามคำถามนิดหน่อย"
ครูกอล์ฟ: "เพลงที่เล่นเราเลือกเอง หรือเขาบังคับให้เราเล่น?"
อะกิระ: "เราเลือกเองครับ"
ครูกอล์ฟ: "ตอนนั้นเลือกเพลงแนวไหนไปครับ?"
อะกิระ: "เปียโนก็คลาสสิกครับ แล้วก็แซ็กโซโฟนก็คลาสสิกเหมือนกัน"
ครูกอล์ฟ: "ก็ Performance เปียโนก่อน?"
อะกิระ: "เปียโนก่อน แล้วก็แซ็กโซโฟนต่อเลยครับ"
ครูกออล์ฟ: "เมื่อกี้เห็นพูดถึงความตั้งใจขึ้นมา ตอนสอบอย่างนี้ ตอนที่กดดัน อะกิระคิดว่าเราฝีมือถึง หรือคิดว่าความตั้งใจของเรา เขาถึงเลือกเรา?"
อะกิระ: "คิดว่าน่าจะเห็นว่าเราตั้งใจมากกว่าครับ เพราะตอนนั้นยังคิดว่าเราก็ไม่ได้เล่นเก่งขนาดนั้นครับ"
ครูกอล์ฟ: "ครูไม่เคยเห็นนะเวลาอะกิระตั้งใจดูเป็นคนชิลๆ มากเลย ตอนนั้นคือทำสมาธิ แล้วก็เป่าเต็มที่?"
อะกิระ: "ก็ทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่เตรียมมาแล้วครับ แค่นั้นแหละ"
ครูกอล์ฟ: "ให้คะแนนตัวเองกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ตอนนั้นเล่นผิดบ้างไหม หรือรู้สึกว่า Performance ได้ 100% ตามที่เราตั้งใจเลย?"
อะกิระ: "เปียโนรู้สึกค่อนข้างโอเคครับ แต่ว่าแซ็กน่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
ครูกอล์ฟ: "ถ้าให้คะแนนตัวเองตอนนั้นที่ Performance ออกไปได้กี่เปอร์เซ็นต์?"
อะกิระ: "ถ้า Performance ก็รู้สึกว่าทำได้เต็มที่นะครับ แต่ว่าก็เล่นออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เราก็ทำเต็มที่แล้ว"

ครูกอล์ฟ: "มี Requirement (ข้อกำหนด) ไหมครับว่า นักเรียนที่ได้รับทุนแล้วเนี่ย คุณต้องทำตัวยังไงบ้าง หรือคุณห้ามอะไรบ้างไหม?"
อะกิระ: "ต้องเป็นเหมือน นักเรียนที่เป็นแบบอย่าง (Role Model) ครับ"
ครูกอล์ฟ: "เป็น Role Model?"
อะกิระ: "ใช่ครับ Academic ก็ต้องตั้งใจเต็มที่ แล้วก็ Activity (กิจกรรม) ด้านดนตรีก็ต้องเข้าร่วมด้วย"
ครูกอล์ฟ: "อย่างน้อย 3 Activity ต่อ 1 อาทิตย์เลยเหรอครับ ของโรงเรียนอินเตอร์?"
อะกิระ: "มันจะมี Music Activity จริงๆ ก็เกือบทุกวันครับใน 1 อาทิตย์ แต่เราต้องเข้าร่วมอย่างน้อย 3 Activity ครับ"
ครูกอล์ฟ: "อ๋อ คือถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นไม่เข้าก็ได้ แต่เราก็ต้องเข้าอย่างน้อย 3 คือเราก็ต้องไปอยู่ในห้องนั้น?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "พอเราเก่งทางด้านดนตรีเข้าไปด้วยเนี่ย แล้วโรงเรียนก็จะมีกิจกรรมของโรงเรียนด้วยใช่ไหมครับ ยังมี Benefit Bash (งานการกุศลประจำปี) บ้าง มีงานโรงเรียนที่จะต้อง Performance ดนตรีขึ้นมา แต่ละคนก็ต้องฟอร์มวงขึ้นมา แล้วเขาก็จะรู้ว่า 'อ่า...นี่มีเนิร์ดดนตรีอยู่' ถูกดึงตัวอะไรอย่างนี้บ้างไหมครับ?"
อะกิระ: "ตอนนั้นเพื่อนก็รู้แหละว่าเราเล่นดนตรีเก่งอยู่ครับ ตอนแรกก็ยังไม่ได้ตั้งวง ก็ไปเหมือนเล่นๆ กันก่อน พอสักพักมันก็มีงาน Benefit Bash งานใหญ่ของโรงเรียน มี Bodyslam อะไรมาเล่น ทุกคนเขาก็อยากขึ้นไปเล่นกันแล้วก็ฟอร์มวงกัน แต่ว่าเสียดายตอนนั้นโควิดมาก็เลยไม่ได้เล่นสักที"
ครูกอล์ฟ: "แต่ปีล่าสุดได้ขึ้นแล้วใช่ไหม?"
อะกิระ: "ใช่ครับ ปีล่าสุดได้ขึ้นแล้ว"
ครูกอล์ฟ: "เล่นเครื่องดนตรีชิ้นไหนครับ?"
อะกิระ: "เล่นกีตาร์ครับ"
ครูกอล์ฟ: "อ้าว เดี๋ยวๆ! ครูนึกภาพไปแล้วนะว่าไม่เล่นเปียโนก็ต้องขึ้นไปเป่าแซ็กโซโฟนบนเวที!"
อะกิระ: "ก็กลายเป็นว่าผมไปเล่นกีตาร์ในงานของโรงเรียนแทนครับ"
ครูกอล์ฟ: "ซึ่งไม่ใช่เครื่องดนตรีที่ถนัดที่สุดด้วยซ้ำ?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "เราคิดว่าการเป็นนักเรียนทุน ทำให้เราแตกต่างจากนักเรียนทั่วไปในการใช้ชีวิต หรือมีข้อบังคับของโรงเรียนที่ต่างออกไปไหม หรือว่าเพื่อนๆ รู้จักเรามากขึ้นเพราะเป็นนักเรียนทุนหรือเปล่า?"
อะกิระ: "แตกต่างยังไงกับคนทั่วไปเหรอครับ? ผมคิดว่าเหมือนกันครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วอะไรที่แตกต่างล่ะ?"
อะกิระ: "แตกต่างตรงที่อย่าง After-School Activities (กิจกรรมหลังเลิกเรียน) เราก็จะโดนบังคับให้ไปทำกิจกรรมดนตรีมากกว่า เราก็เลยไม่ได้ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นครับ"
ครูกอล์ฟ: "อ๋อ...คือเราอยากจะไปเตะบอลกับเพื่อน ก็ต้องไปเข้า Activity ดนตรี 3 ครั้ง?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "โอกาสที่จะได้ไปเล่นอย่างอื่นก็จะน้อยลง?"
อะกิระ: "ใช่ครับ แต่นอกจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรครับ"
ครูกอล์ฟ: "ที่ถามนี่เพราะว่าการได้ทุนสมัยนี้ บางทีต้องดูเงื่อนไขด้วยครับ เพราะทุนเข้ามหาวิทยาลัยบางทุนพอรับมาแล้ว จบการศึกษาแล้วต้องกลับไปใช้ทุน"
ครูกอล์ฟ: "เพราะฉะนั้นเงื่อนไขของทุนที่เราได้มานี้ มีต้องกลับไปใช้ทุนด้วยไหมครับ หรือว่าเป็นทุนที่เขาส่งเสริมการเรียนเราอย่างเดียวเลย?"
อะกิระ: "เป็นทุนที่ส่งเสริมเราอย่างเดียวครับ ไม่จำเป็นต้องกลับไปใช้ทุนครับ"
ครูกอล์ฟ: "ก็ถือว่าเป็นทุนที่ดีเลย เพียงแต่ว่าคุณก็ต้องมีฝีมือพอสมควร เพราะทั้งชั้นมีกี่คนนะครับ?"
อะกิระ: "ตอนที่ผมเข้าไปมีอยู่ 2 คนครับ ตอนนี้มี 3 แล้วครับ"
ครูกอล์ฟ: "นักเรียนทั้งโรงเรียนมีกี่คนครับ?"
อะกิระ: "พันกว่าคนครับ"
ครูกอล์ฟ: "ในนักเรียนทั้งหมดพันกว่าคน มีอยู่ประมาณ 10 คนเท่านั้นเองที่ได้ทุนนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ได้มาง่ายๆ เลยนะครับ"
อะกิระ: "ครับ"

ครูกอล์ฟ: "มีตรงไหนที่อยากจะแชร์ หรืออยากจะพูดถึงน้องๆ ที่มีความสามารถทางด้านดนตรีที่อาจจะอยู่โรงเรียนไทย หรือมีความสามารถพิเศษ เขาต้องเตรียมตัวอะไรยังไงบ้าง หรือถ้าเขาสนใจทุนแบบนี้แล้วอยากทำตามอะกิระ เขาควรจะต้องทำยังไงบ้างครับ?"
อะกิระ: "เตรียมเพลงครับ แล้วก็ลองมาสมัครดูครับ มันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจก็มาสมัครได้เลยครับ เตรียมเพลงมา แล้วก็ทำให้เต็มที่ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ถามลึกลงไปเลยครับ ถ้าคนที่เล่นเปียโนอยู่ เพลงที่ไปสอบวันนั้นเล่นเพลงอะไร?"
อะกิระ: "น่าจะเป็นเพลงสอบครับ เพลงสอบเกรด 7 ของ Chopin (โชแปง) หรือ Beethoven (บีโธเฟน) อะไรพวกนั้นครับ"
ครูกอล์ฟ: "เพลงนึงใช้เวลานานประมาณกี่นาทีครับ?"
อะกิระ: "5-10 นาทีครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วแซ็กโซโฟนที่ไปเป่าวันนั้น เพลงอะไร จำได้ไหม?"
อะกิระ: "แซ็กโซโฟนจำไม่ได้ครับ แต่ว่าเพลงไม่ได้ยาวมากครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วจากการเรียนโรงเรียนไทย พอไปอยู่อินเตอร์แล้วเนี่ย คิดว่ามีข้อดีอะไรบ้างที่โรงเรียนอินเตอร์ที่เราว่าดีกว่าโรงเรียนไทยทั่วไป ที่เรารู้สึกว่า 'เนี่ยมันเปลี่ยนชีวิตเราเหมือนกันนะ โรงเรียนนี้มันเปลี่ยน!'"
อะกิระ: "ภาษาอังกฤษ ครับ แน่นอน ภาษาอังกฤษทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมด แล้วก็ตั้งแต่เข้ามา ผมรู้สึกว่าภาษาอังกฤษทุกด้านดีขึ้นครับ"
ครูกอล์ฟ: "ฟัง พูด อ่าน เขียน เลยใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "ใช่ครับ"
ครูกออล์ฟ: "แสดงว่าอยู่ที่โรงเรียนต้องคุยกับเพื่อนก็คุยเป็นภาษาอังกฤษด้วย หรือไทยผสม?"
อะกิระ: "ก็ผสมๆ ครับ"
ครูกอล์ฟ: "แต่คุยกับครูนี่ต้องอังกฤษแน่นอน?"
อะกิระ: "ครับ"
อะกิระ: "แล้วก็น่าจะเป็นเรื่อง Facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) ครับ"
ครูกอล์ฟ: "Facility ถ้าเทียบกับโรงเรียนไทย?"
อะกิระ: "พวกอุปกรณ์ดนตรีครับ ก็มีครบ กีฬาก็มีครบ อยากทำอะไรก็น่าจะมีพร้อมหมดครับ"
ครูกอล์ฟ: "ขอบคุณมากเลยครับสำหรับการสัมภาษณ์นี้ หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์นะครับสำหรับคนที่อยากจะได้ทุนในการเข้าโรงเรียนอินเตอร์นะครับ ซึ่งอัตราส่วนคือเท่าไหร่นะครับ?"
อะกิระ: "10 ต่อพันครับ"
ครูกอล์ฟ: "10 ต่อพัน! ในพันคนก็จะมีคนที่ได้ทุนดนตรีอยู่..."
อะกิระ: "มาก็ต้องเชื่อใจตัวเองหน่อยครับ"
ครูกอล์ฟ: "เราจะทราบว่ามันจะมีทั้งหมด 3 ทุนนะครับ สรุปอีกทีก็คือ ทุนดนตรี (Music Scholarship), ทุน Academic (วิชาการ), และ ทุนกีฬา (Sports Scholarship) ถ้าเทียบแล้วทุนดนตรีมี 10 คน ทุนเรียนเก่งมีประมาณกี่คนครับ ทุนเรียนเก่งน่าจะเยอะสุดใช่ไหมครับ?"
อะกิระ: "น่าจะเยอะสุดครับ"
ครูกอล์ฟ: "แล้วก็ทุนกีฬา?"
อะกิระ: "เคยเจอแค่คนเดียวครับ"
ครูกอล์ฟ: "แต่ละทุนเองก็มีเลเวลไม่เท่ากันด้วยเนาะ เพราะว่าถ้าเกิดคุณเก่งถึงระดับสูงสุด คุณอาจจะได้เปอร์เซ็นต์เยอะก็ได้ในทุนนั้น?"
อะกิระ: "ครับ ถ้าเกิดคุณอาจจะไม่เก่งมาก เขาก็อาจจะให้ทุนคุณในระดับที่แตกต่างกัน อะไรอย่างนี้ ก็อันนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถครับ"
บทสัมภาษณ์: เส้นทางสู่การเป็นนักเรียนทุน Harrow ของ "อะกิระ" (จบ)
ครูกอล์ฟ: "ครับ วันนี้ก็ขอบคุณอะกิระมากครับที่มาแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากจะเข้าเรียนอินเตอร์โดยการใช้ทุนทางด้านดนตรีนะครับ ก็อย่าลืมหมั่นฝึกซ้อมนะครับ อย่างอะกิระเอง ครูว่ามันเรื่องมหัศจรรย์มากนะ เพราะว่าโอเคเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก ครูก็นึกว่าจะเข้าด้วยเปียโน แต่เปล่าครับ เข้าด้วยแซ็กโซโฟน เหตุผลเพราะว่ารู้ว่าจะต้องเข้าด้วยเครื่องดนตรีอื่นที่ไม่ใช่เปียโน แล้วใช้เวลา 1 ปีในการฝึกจากคนที่ไม่เคยเป่าแซ็กโซโฟนเลย ถูกไหมครับ?"
อะกิระ: "ครับ"
ครูกอล์ฟ: "ปีเดียวแล้วก็ได้เข้าไปที่โรงเรียนอินเตอร์ได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากเข้าโรงเรียนอินเตอร์เนี่ย อะกิระทำให้ดูแล้วนะครับ คุณเริ่มฝึกวันนี้ อีกปีนึงข้างหน้า คุณก็จะมีสิทธิ์ทำได้อย่างอะกิระด้วย อยากบอกอะไรกับน้องๆ ที่เขาอยากจะเข้าโรงเรียนอินเตอร์ไหมครับ?"
อะกิระ: "เตรียมตัวให้พร้อมครับ แล้วก็จำไว้ว่าถึงเราอาจจะไม่ได้เก่งเท่าไหร่ แต่อยากให้โชว์ความตั้งใจ แล้วก็ความที่เราพร้อมที่จะพัฒนา ผมว่าเขาอยากดูตรงนั้นมากกว่าครับ ว่าเราสามารถพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน"
ครูกอล์ฟ: "ตั้งใจซ้อมครับ!"
อะกิระ: "ครับ แล้วก็เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วเดี๋ยวเวลาของคุณจะมาถึงครับ!"
ครูกอล์ฟ: "ขอบคุณมากครับ"
อะกิระ: "ครับ ขอบคุณครับ"
บทสรุปและข้อคิดจาก The Class Tutor:
จากการสัมภาษณ์อันเข้มข้นกับ น้องอะกิระ นักเรียนทุนโรงเรียนอินเตอร์จาก Harrow International School Bangkok เราได้เรียนรู้บทเรียนอันทรงคุณค่ามากมายเกี่ยวกับเส้นทางสู่การเป็นนักเรียนทุน โดยเฉพาะทุนด้านดนตรีในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ
ประเด็นสำคัญที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน:
ความสามารถรอบด้านสำคัญกว่าความถนัดเดียว: แม้จะเก่งเปียโน แต่น้องอะกิระก็พร้อมเปิดรับและทุ่มเทให้กับการเรียนรู้แซ็กโซโฟน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน นี่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นที่สำคัญในการคว้าโอกาส
"ความตั้งใจ" และ "ศักยภาพในการพัฒนา" คือหัวใจ: โรงเรียนไม่ได้มองแค่ความเก่งในปัจจุบัน แต่ประเมินจากความตั้งใจที่จะเรียนรู้ ความพยายาม และศักยภาพในการพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างและแสดงให้เห็นได้ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก
การเตรียมพร้อมที่ครอบคลุม: การได้ทุนดนตรีไม่ได้หมายถึงแค่เก่งดนตรี แต่ยังต้องมีพื้นฐาน Academic ที่ดี ทั้งภาษาอังกฤษ (Reading, Writing, Interview) และคณิตศาสตร์ รวมถึงการทดสอบ IQ การติวเสริมในวิชาเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
วินัยและความรับผิดชอบ: การเป็นนักเรียนทุนมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการเป็นแบบอย่าง (Role Model) และการเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแบบองค์รวม
"เชื่อมั่นในตัวเอง" และ "ลงมือทำ": ข้อคิดสุดท้ายจากน้องอะกิระที่ว่า "เชื่อมั่นในตัวเอง" และ "เตรียมตัวให้พร้อม แล้วลองมาสมัครดู" เป็นข้อความที่ทรงพลัง การก้าวข้ามความไม่มั่นใจและลงมือทำอย่างเต็มที่ คือจุดเริ่มต้นของทุกความสำเร็จ
เรื่องราวของน้องอะกิระพิสูจน์ให้เห็นว่า โอกาสไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนที่มีทุนทรัพย์มหาศาล หรือคนที่ 'เก่งที่สุด' มาตั้งแต่เกิด แต่เป็นของคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
หากคุณหรือบุตรหลานมีความฝันที่จะเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นการขอทุนโรงเรียนอินเตอร์ หรือการเตรียมพร้อมด้านวิชาการ The Class Tutor ยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จนั้น ด้วยบริการสอนพิเศษที่เข้าใจหลักสูตรนานาชาติอย่างลึกซึ้ง และติวเตอร์มากประสบการณ์ที่พร้อมจะปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของนักเรียนทุกคน
อย่ารอช้า! ติดต่อ The Class Tutor วันนี้ เพื่อปรึกษาและวางแผนเส้นทางสู่ความสำเร็จของบุตรหลานคุณ
Comentarios